DTG ย่อมาจาก Direct to Garment หมายถึงการพิมพ์ภาพจากเครื่องพิมพ์ลงสู่ชิ้นงานโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องมีบล็อกสกรีน หรือกระดาษทรานสเฟอร์ เพื่อถ่ายลวดลายลงบนชิ้นงานจริง
การพิมพ์แบบดิจิตอล Direct to Garment มีพื้นฐานมาจากเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท ซึ่งออกแบบมาสำหรับการพิมพ์ลงกระดาษ โดยส่วนใหญ่เครื่องพิมพ์ระบบนี้ใช้ระบบการพิมพ์จากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทร่วมกับระบบกลไกการป้อนผ้า และใช้หมึกสำหรับพิมพ์ผ้าโดยเฉพาะ อย่างน้อยที่สุดเครื่องพิมพ์ระบบ DTG ทุกเครื่องจะต้องมีหัวพิมพ์ (มาจากเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทแบบใดแบบหนึ่ง) และแผงวงจรควบคุมการพิมพ์
ระบบ DTG เป็นเทคนิคการพิมพ์ค่อนข้างใหม่ เนื่องจากเทคโนโลยีการพิมพ์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ได้มีการคิดค้นหมึกและน้ำยาเคลือบที่สามารถพิมพ์ลงบนชิ้นงาน เช่นเสื้อยืด ทำให้ลวดลายคงทนอยู่กับชิ้นงาน ไม่ว่าจะผ่านการซัก-ตาก-รีด-พับ หลายครั้งก็ตาม ในต่างประเทศเทคนิคการพิมพ์แบบ DTG เป็นที่นิยมและมีราคาสูงกว่า เมื่่อเทียบกับงานที่พิมพ์ด้วยเทคนิคทั่วไป เนื่องจากจะให้สัมผัสงานที่นุ่มนวล (soft-hand) จากหมึกที่ซึมลงไปในเส้นใย และผ้า Cotton คุณภาพดี งานที่ได้จะสวยงาม ใส่สบาย คุณภาพของภาพที่พิมพ์จะขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องพิมพ์ที่ใช้ ถึงแม้ว่าจะใช้หมึกอย่างเดียวกัน เพราะเครื่องพิมพ์ระดับธรรมดาจะให้งานที่มีคุณภาพต่ำกว่าเครื่องพิมพ์ระดับโปร
องค์ประกอบของคุณภาพงานพิมพ์แบบ DTG
เครื่องพิมพ์ เป็นหัวใจของการพิมพ์ระบบ DTG มีตั้งแต่ระดับราคาหลักพัน จนถึงหลักแสน และหลักล้าน แน่นอนว่าการพิมพ์แบบ DTG ไม่ว่าจะพิมพ์จากเครื่องแบบใดจะให้สัมผัสที่นุ่มนวลเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างก็คือคุณภาพงานพิมพ์ ในเครื่องพิมพ์ระดับสูง หรือระดับ Pro นอกจากหัวพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงแล้ว ในระบบซอฟท์แวร์การจัดการการพิมพ์ ก็สามารถปรับแต่งได้มากกว่า เทคนิคในการควบคุมสี การไล่เฉดสีที่ดีกว่า จะให้งานที่มีคุณภาพต่างกัน และสังเกตได้ด้วยตาเปล่า เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คล้ายกับกล้องดิจิตอล ภาพจากกล้องคอมเเพก 10 ล้านพิกเซล แตกต่างจากภาพจากกล้อง DSLR ที่มี 10 ล้านพิกเซล ด้วยองค์ประกอบที่ต่างกันเช่น เลนส์ เซนเซอร์รับภาพ โปรเซสเซอร์ประมวลผลภาพ เป็นต้น เครื่องพิมพ์ระบบ DTG ยังแบ่งได้อีกสองประเภทตามลักษณะการเคลื่อนที่ ประเภทแรกคือ แบบที่หัวพิมพ์เคลื่อนที่-ชิ้นงานอยู่กับที่ และประเภทที่สอง แบบที่หัวพิมพ์อยู่กับที่-ชิ้นงานเคลื่อนที่
เครื่องพิมพ์ประเภทแรกมักใช้กับเครื่องพิมพ์ระบบ DTG ขนาดใหญ่ มีข้อดีคือการที่ชิ้นงานอยู่กับที่ ทำให้สามารถวางชิ้นงานขนาดเล็ก หรือมีน้ำหนักเบาได้ เวลาพิมพ์ชิ้นงานจะอยู่กับที่ทำให้งานพิมพ์คมชัด ระบบกลไกมีความแข็งแรงเหมาะสำหรับงานผลิตเชิงอุตสาหกรรม สิ่งที่ตามมาคือกลไกระบบขับเคลื่อนที่แข็งแรงและซับซ้อนกว่าทำให้เครื่องมีราคาแพงกว่าเครื่องพิมพ์ประเภทที่สอง
เครื่องพิมพ์ประเภทที่สอง นิยมใช้กับเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบา ระบบกลไกแข็งแรงน้อยกว่าประเภทแรก ทำให้เครื่องพิมพ์ประเภทนี้มีราคาต่ำกว่า เหมาะกับการใช้งานเบาๆ ไม่เหมาะกับการใช้งานผลิตเชิงอุตสาหกรรม
หมึกพิมพ์ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญ หมึกพิมพ์ที่ดีจะต้องให้งานที่มีคุณภาพ คือสีสันถูกต้อง และคงที่ ซึ่งสำคัญสำหรับงานผลิตจำนวนมาก นอกจากนั้นยังต้องมีความทนทาน ยึดเกาะกับผิวงานได้ดี และไม่ก่อให้เกิดปัญหากับเครื่องพิมพ์ ถ้าหมึกพิมพ์คุณภาพต่ำอาจทำให้หัวพิมพ์อุดตัน และคุณภาพงานพิมพ์จะลดลง มีผลทำให้เสียเวลาทำงานในการแก้ปัญหาที่ตัวเครื่องพิมพ์ หมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์ระบบ DTG ถูกออกแบบมาให้ใช้สำหรับพิมพ์บนผ้า cotton หรือผ้าที่มีส่วนผสมของ cotton และยังมีหมึกอีกแบบที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ DTG ได้ ใช้สำหรับพิมพ์บนวัสดุอื่นๆ เช่น แผ่นโลหะ อลูมิเนียม อครีลิก แก้ว ไม้อัด กระเบื้อง ผ้าใยสังเคราะห์ หมึกพิมพ์สำหรับผ้าใยสังเคราะห์จะไม่สามารถนำไปใช้กับผ้า cotton ได้ เพราะหมึกถูกออกแบบมาให้เกาะกับโมเลกุลของใยสังเคราะห์เท่านั้น เช่นเดียวกันหมึกสำหรับผ้า cotton ก็จะไม่เกาะกับใยสังเคราะห์ ในกรณีที่เป็นผ้าผสมระหว่าง cotton กับ ใยสังเคราะห์ ต้องใช้น้ำยารองพื้นเพื่อช่วยให้หมึก cotton ติดกับส่วนที่เป็นใยสังเคราะห์ได้ ผ้าที่เป็น cotton 100% แท้ๆ นั้นราคาสูง ดังนั้นแนวโน้มความจำเป็นที่ต้องใช้น้ำยารองพื้นสำหรับผ้า cotton ผสมใยสังเคราะห์จึงมีสูงขึ้น
วัสดุที่ใช้ในการพิมพ์ มีผลต่อการยึดเกาะของหมึก เช่น ถ้าผ้าที่ใช้มีเส้นใยหรือขุยที่ลอยขึ้นเหนือพื้นผิวมากๆ จะมีแนวโน้มที่เวลาพิมพ์แล้วหมึกพิมพ์จะไปติดที่เส้นใยเหล่านั้น เมื่อนำผ้าไปซักแล้วเส้นใยจะหลุดออก ทำให้สีดูซีดจางลง ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ปัญหาของหมึกหรือเครื่องพิมพ์ แต่ควรต้องเลือกผ้าที่ไม่มีเส้นใยลอยขึ้นมาหรือมีก็ไม่ควรมาก
เทคนิคการผลิต เป็นเรื่องของเทคนิคพื้นฐานและ know how ในการพิมพ์งานของแต่ละผู้ผลิต เทคนิคที่ดีจะช่วยลดงานเสีย ลดเวลาการทำงานอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้ขึ้นกับการบริหารจัดการกระบวนการผลิตของแต่ละเจ้า
หน้าที่เข้าชม | 544,858 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 371,542 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 มิ.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |